Jul 25

ไม่ได้ update blog เสียนาน นานมากๆ นานเสียจนหาทางเข้าบล๊อกตัวเองไม่เจอ นั่นอาจเป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ช่วงเวลาของการลองผิดลองถูก การทดลอง การค้นหา ว่าอะไรคือหนทางของการทำอันดับใน search engine

วิธีการเดิมๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว หรืออาจจะได้บ้าง… แต่มันก็น้อยมากๆ จนบางครั้งสังเกตุไม่เ็ห็นผลจากการทำ seo แบบเดิมๆ เลยทีเดียว เดิมทีการทำ seo เราออกแรงไม่มาก ก็ส่งผลต่ออันดับให้ชื่นใจแล้ว

แต่ SEO ยุคปัจจุบันหาเป็นเช่นนั้นไม่ เราไม่อาจใช้ความถึกในการหา backlink แล้ว ทำอันดับแบบพุ่งเอาๆ ได้อีกต่อไป แน่นอนว่าเดิมที SEO ที่เราสอนๆ กันมันได้ผลอย่างชัดเจน มันทำให้เราีมีกำลังใจ แต่ปัจจุบันทำแล้วนิ่ง นิ่ง นิ่ง แล้วก็นิ่ง

เป็นที่ทราบกันว่า Google นั้น มีวิธีคิดที่ต้องการเสนอประสปการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานเป็นหลัก (Good Experience) หากผู้ใช้งานใช้ google search ไปเรื่อยๆ แล้วเจอแต่ขยะหรือสิ่งที่ไม่ใช่ ต่อไปคนก็จะเลิกใช้หรือไ่ม่นิยม Google ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะพยายามคัดกรอง พยายามเขี่ยทิ้งเว็บปั่น เว็บขยะ เว็บไร้คุณภาพออกไป

ดังนั้น เราจึงเห็นว่าในผลการค้นหาทุกวันนี้เว็บใหญ่ๆ ต่างได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น เช่น amazon,youtube,facebook,wikipedia ตลอดจนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสินค้าแบรนด์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่ได้รับการจัดอันดับที่ดี

สิ่งที่เว็บต่างๆ เหล่านี้ มีเหมือนๆ กัน คือ ันตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน มีประโยชน์ มีสาระ และมีเนื้อหาเป็นของตนเอง มีอัตราการดีดกลับหรือปิดหนี (Bounce rate) ต่ำ ผู้ชมอยู่ในเว็บไซต์นาน แล้วคลิ๊กไปอีกหลายๆ หน้า

ยุคนี้จึงวัดกันที่ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่จะใช้เวลากับเว็บ บางทีเราอาจจะต้องหัดสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคจดจำ และกลับมาหาเราอีกโดยสมัครใจมากกว่าการปั่นไปเรื่อยๆ ซึ่งนับวันจะอยู่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ บางทีการสร้างเว็บเพื่อประโยชน์หรือความต้องการของชาวโลก อาจจะดีกว่าการสร้างเว็บเพื่อประโยชน์ หรือสนองความต้องการของผู้สร้างเว็บแต่เพียงฝ่ายเดียวก็เป็นได้ …

  • Share/Bookmark
Jun 26

ตั้งแต่ panda น้อย ถูกปล่อยออกมา ก็พบว่าหลายๆ อย่างในโลก seo ได้เปลี่ยนไปพอสมควร อันไหนที่เคยใช้ได้ ก็ใช้ไม่ได้ หรือ ได้ผลน้อยลง เช่น เว็บปั่นๆ ที่พอแทรกขึ้นมาได้บ้างก็ถูกลดอันดับลง การสร้าง backlink แบบเดิม, พลังของเว็บบางจำพวก เช่น pligg, digg ผมว่ามันให้ผลน้อยลงนะ

ไม่รู้จะคิดไปเอง หรือเปล่า ก็ไม่อยากจะปวดหัวกับมันสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ google มุ่งเน้น user good experience นั่น คือ มุ่งผู้ใช้งาน google ต้องได้ประสปการณ์ที่ดีกลับไป หลังจากเข้าใช search ของ google ซึ่งนั่นก็คงจะเพียงพอ และครอบคลุมทุกเรื่องที่เหล่า webmaster ควรจะต้องทำแล้ว

การทำ seo แบบเดิมๆ มีหลายอย่างๆ เปลี่ยนไป หลักการเงื่อนไขเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แล้วแต่ google จะดักทางเขี่ยเว็บด้อยคุณภาพออกด้วยวิธีใด เหมือนแมวกะหนูไล่กันประมาณนั้นเลย

ถ้าไม่อยากเหนื่อยมากเกินไป อาจจะต้องคิดใหม่แล้ว เราจะมัวไล่ตาม google อยูทำไม ในเมื่อถ้าเว็บเราดีซะอย่าง google สิต้องค้น ต้องหาเราให้เจอ ต้องดันเราขึ้นอันดับต้นๆ เองอยู่แล้ว

หลังๆ มาผมเริ่มมองว่าการทำ seo เพียงอย่างเดียว มันเป็นเรื่องเสียเวลามากๆ ถ้าเว็บเราไม่มีคุณภาพพอ เพราะมันจะได้อันดับ ชั่วครู่ชั่วยาม แล้วต้องเหนื่อยซ้ำซาก เพราะมันก็จะลงไปกองกับพื้นทุกทีไป ถ้าของเราดีจริงมันก็จะอยู่ได้นาน อาจจะต้องทำควบคู่กันทั้งคุณภาพเว็บ และ seo ซึ่งสัดส่วนของงานแรกอาจต้อเพิ่มมากขึ้น

เราต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่า google ชอบเนื้อหาสดใหม่ ปรับปรุงสม่ำเสมอ น่าสนใจ คนอ่านไม่ปิดหนีทันทีที่เจอ เนื้อหาไม่ซ้ำใคร แต่ความยาก คือ จะเขียนอะไรอย่างไรต่างหาก สุดท้ายนึกไม่ออกก็กลับไปปั่น duplicate content เหมือนเดิม ซึ่งก็ คือ สร้างสิ่งที่ google ไม่ต้องการนั่นเอง

การเขียนเนื้อหาจริงๆ แล้วจะให้เขียนเป็นเรื่องเป็นราวก็คงยาก และน้อยคนจะทำได้ แต่ถ้าเอาเนื้อหาเดิมมา rewrite แก้ไขนิดๆ หน่อยๆ ตามด้วยเขียน review เพิ่ม หรือ comment สั้นๆ ใส่ไปเรื่อยๆ ก็ให้ผลดีไม่น้อย ซึ่งเห็นเทพหลายท่านทำกันอยู่นะ ไม่ไช่เรื่องใหม่เลย

จากการทดสอบ การ rewrite  content, review สินค้า, comment สินค้า ลอกๆ แก้ๆ ไป ตั้งแต่ทำมาก็ไม่ได้เหนื่อยมากมายเหมือนการหา backlink ทำ seo off page แต่อย่างใด เหนื่อยน้อยกว่า และอาจจะได้ผลดีกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งอันนี้ก็ต้องทดสอบกันไปอีกสักระยะครับ เม้นไปเรื่อยๆ review ไปเรื่อยๆ ให้เว็บเกิดการเคลื่อนไหวประจำ ทำ seo off/on page แต่พองาม แค่นี้ bot ก็มา แล้ว traffic ก็จะดีนักแล ….

  • Share/Bookmark
Apr 29

พยามหลบๆ เจ้าหมีน้อยนี่อยู่เหมือนกันนะ แต่เท่าที่ดูมันก็ไม่ค่อยน่ากลัวอย่างที่คิด seo แนวเดิมๆ โดนกิน มั่งไม่โดนมั่ง มันไม่ได้โดนทุกเว็บ เอาเป็นว่าแนวทางเดิมก็ยังทำได้ดีพอสมควรอยู่ แต่พยายามลดๆ การ duplicate content ลงให้ได้มากที่สุดล่ะกันครับ

จากการตรวจสอบความเสียหาย ก็พบว่ามีผลกระทบกับเว็บในเครือประมาณ 50-60% ของเว็บที่มี ก็ต้องปรับปรุงให้มันกลับมา

พยายามดันตัวที่ร่วงคืนก่อนครับ ก็ดีวันดีคืน ไม่ช้านานก็คงจะกลับมายืนที่เดิมได้ หลักการเราก็เน้น ความไว ความสวย และเนื้อหามีประโยชน์เข้าว่า ตาม concept customer good experience สร้างประสปการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน

แบบนี้จะ algo ไหนๆ ก็เสร็จเรา

อีกวิธีที่ใครอยากหนี Panda แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือ เป็นทางเลือกเพิ่ม ขอแนะนำ การจดโดเมนโดยให้มี keyword ตรงตัวนั่นเอง

ถึง พศ. นี้ แล้ว bing + yahoo ยังชอบ keyword in domain อยู่ครับ จดแล้วอันดับมันขึ้นง่าย และทนทานจริงๆ ยังทำเงินได้เรื่อยๆ แบบไม่ง้อ Panda เลยทีเดียวเชียว

Panda คงแค่ส่วนหนึ่งของปัญหา แต่การมอง search ตัวอื่นสำรองไว้ เผื่อแป๊ก ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดครับ

  • Share/Bookmark
Aug 18

การทำ SEO ให้ได้เปรียบนั้นมีอยู่ข้อนึง ที่หลายๆ คนกล้าๆ กลัวๆ ซึ่งก็ คือ การเอา keyword ใส่ใน url ยิ่งอยู่ในชื่อโดเมนเนมเลยยิ่งดี รองลงมาคือใส่ไว้ใน sub domain, directory และ ชื่อไฟล์

แต่ปัญหาติดที่ โดยมากคีย์เวิร์ดต่างๆ ที่ nich และทำเงิน มักมีชื่อยี้ห้อ รุ่นสินค้าปนอยู่ด้วย แล้วส่วนมากเอา key นั้นไปทำ seo แบบนี้

1. Secondary Level Domain Name การเอาแบรนด์เนมไปจดเป็นโดเมนเลย แบบนี้จะโดยข้อหาละเมิดเครื่องหมายการค้าได้ ดังนั้นการเอาโดเมนเป็นชื่อสินค้า ยี้ห้อไปจด จึงผิดเต็มๆ โดยมากนักทำ seo จะไม่นิยมทำกัน หรือ ถ้าจะมี ก็เป็นพวกชอบเสียวเป็นพิเศษ หากพลาดมา ก็amazon ริบเงิน google แบน โฮสเตะเรื่องเอะจริงๆ แต่บางท่านก็บอกว่ายอมเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า อันนี้ก็สุดแล้วแต่ท่านเหล่านั้น ซึ่งผมก็ไม่แนะนำให้ทำนะครับ

2. Third Level Domain/Sub Domain  การจดโดเมนแบบแรกถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุดในการทำโดเมน กับ SEO แบบถัดมาคือการสร้าง sub domain กับแบรนด์เนม แบบนี้จะว่าไปก็เสี่ยงอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าแบบแรก (ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี) ซึ่งระดับความเสียหายจะขึ้นอยู่กับเจ้าของสินค้าว่าจะเอาเรื่อง หรือ โหดแค่ไหน บางเจ้าก็แค่เตือน แก้ไขแล้วก็จบไป บางเจ้าตั้งท่าจะฟ้องร้องกันเลย

3. แบบสุดท้าย คือ การเอาแบรนด์เนมใส่ directory,file name แบบนี้ มักไม่ค่อยมีปัญหา แต่บางแบรนด์เนมเจ้าของบ้าๆ บอๆ ก็เอาเรื่องได้เช่นกัน

จึงสรุปได้ว่าทำยังไงก็มีปัญหาครับ แต่ระดับความเสียวมันแตกต่างกัน ตามความเห็นส่วนตัวเรียงตามระดับความเสียวได้แบบนี้

domain name > sub domain > folder > filename

ก็พยายามหลีกเลี่ยงกันเอาครับ สำหรับผมแล้วไม่จดแบบโดเมนแน่นอน มันเสี่ยงมาเกินไป แต่แบบสับโดเมนนี่มีเยอะมากเลย ซึ่งต้องคอยหาข่าวและเชคเมล์ตลอดว่าแบรนด์ไหน ทำได้ ไม่ได้ มีเมล์เตือนบ้างหรือไม่ หากพบต้องรีบแก้ไข ต้องดูว่าคุณรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน หากมีปัญหาจะต้องทำเช่นไร ซึ่งเท่าที่เพ่อนเล่ามาก็มีตั้งแต่
1. ลบโดเมนนั้นทิ้งไป
2. เจรจากับเจ้าของโดเมน จะให้ลบ โอน ปรับ หรือ ฟ้อง ว่ากันไป

สำหรับรายชื่อ brand ต้องห้าม ที่มีคนทำแล้วมีปัญหากับ sub domain เท่าที่มีข้อมูล คือ
1. soนี่ เขาว่าห้ามเลย sub domain เนี่ย
2. monsเตอร์ cable แค่มีสินค้าในเว็บยังโดนเอาเรื่องเลย
3. เอ็บสัน printer
4. LEACHโค SNOOGLE

ส่วน apple ใช้ทำ sub domain ได้นะ เขาห้ามแคโดเมนหลัก
“You may not use an identical or virtually identical Apple trademark as a second level domain name.”

ลองอ่านประกาศของ apple ดูอีกทีครับ

อ้างอิง
http://www.marketingwithmiles.com/subdomains-and-trademark-law/ เขียนได้ดีครับ
http://forums.sem.or.th/index.php/topic,19491.0.html โดนฟ้อง
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,12161.0.html ยกเลิกหลายสิบเว็บ
http://domainatcost.com/@.php3?f=art0012.html เขาตัดสินคดีชื่อโดเมนกันอย่างไร?
http://domainatcost.com/@.php3?f=art0016.html เมื่อคนไทยโดนฟ้อง
http://www.warriorforum.com/main-internet-marketing-discussion-forum/227873-avoid-trademark-infringements-using-subdomain.html ฝรั่งก็เถียงกันเรื่อนี้

  • Share/Bookmark
Jul 14

ปัจจัย 50 อย่างสำหรับทำ SEO (เรียงลำดับความสำคัญให้แล้วด้วยครับ)
1. คำหลักในชื่อของหน้า
2. คำหลักในหัวของหน้า (h1, h2, h3 ฯลฯ)
3. คำหลักในชื่อโดเมน
4. คำหลักในชื่อไฟล์ของหน้าเว็บที่รูปภาพหรือเนื้อหาอื่นๆที่เครื่องมือค้นหาอันดับปัจจัย
5. คำหลักเป็นตัวหนา, และหนังสือแบบตัวเอียงขีดเส้นใต้ข้อความ
6. คำหลักในข้อความ ALT สำหรับรูปภาพ
7. คำหลักในข้อความที่แตกต่างกันสี / ขนาด
8. ความหลากหลายของคำหลักในหน้า (เช่น: กิน, ate, บริโภค, กินอาหารที่รับประทานฯลฯ)
9. ความหนาแน่นของคำหลักในหน้าเว็บ
10. ลักษณะของคำหลักในครึ่งบนของหน้า
11. คำหลักในคำอธิบายเมะแทแท็ก
12. คำค้นหาในคำหลักเมะแทแท็ก
13. เอกลักษณ์ของชื่อคำอธิบายและคำหลักกับหน้าอื่นๆของเว็บไซต์
14. อายุของโดเมน
15. อายุของหน้า
16. TLD ของโดเมน (เช่น:. โดเมนจะอยู่ในอันดับที่ดีกว่าใน google.co.in โดเมน)
17. โฮสต์ที่ตั้ง
18. อันดับของหน้าของเว็บไซต์
19. คุณภาพของเนื้อหา (ดีเขียน, ข้อมูลไม่ซ้ำ) เครื่องมือค้นหาอันดับตรวจสอบ list.png
20. จำนวนลิงก์ย้อนกลับ
21. คุณภาพ (ประชาสัมพันธ์) ของลิงก์ย้อนกลับ
22. Anchor ข้อความใช้สำหรับลิงก์ย้อนกลับ
23. ชื่อข้อความ (ถ้ามี) ที่ใช้สำหรับลิงก์ย้อนกลับ
24. อายุของลิงก์ย้อนกลับ
25. ที่ลิงก์ย้อนกลับจะปรากฏบนหน้า (บนของหน้าด้านล่างของหน้าเว็บ)
26. คือลิงค์ที่ในเนื้อหาหรืออยู่กับการเชื่อมโยงอย่างอื่น (ชี้ไปยังเว็บไซต์อื่นๆและคั่นด้วยบางเฉพาะข้อความ [เช่น "," หรือ "|"])
27. จำนวนรวมลิงก์ในหน้าเว็บที่เชื่อมโยงคุณ
28. คือธีมของการเชื่อมโยงเพจนั้นเหมือนกับที่เชื่อมโยงหน้า
29. ความเกี่ยวข้องของคำหลักกับเรื่องหลักโดยรวมของเว็บไซต์.
30. เว็บไซต์โหลดเวลา (เซิร์ฟเวอร์ตอบสนองเวลาและขนาดของเพจ)
31. ประโยชน์ของเซิร์ฟเวอร์ (บรรดา 99.99% uptime สิ่ง)
32. ลิงก์ขาออก (ผู้ซึ่งคุณเชื่อมโยง? ที่เกี่ยวข้อง?)
33. จำนวนหน้าในไซต์
34. นาวิเกตและการเข้าถึงเว็บไซต์ (-ถึงความสามารถของทุกหน้าง่าย)
35. ลิงก์ไปยังหน้าเว็บภายใน (ใช่นี้จะปรับปรุงการจัดอันดับของหน้าหลักได้เช่นกันถ้านาวิเกตที่ถูกต้อง)
36. กี่คนกลับมาจากเว็บไซต์ไปยังเครื่องมือค้นหาหลังจากการค้นหาสำหรับคำหลัก (ของฉันจะติดตามของ Google กับแถบเครื่องมือนี้)
37. จำนวนภายในหน้าลิงก์ในหน้าเว็บของท่าน (ไม่เกิน 100)
38. จำนวนภายนอกลิงก์ในหน้าเว็บของท่าน (พยายามลด)
39. ลิงก์ย้อนกลับจาก. Gov,. Edu ลิงค์ (บางคนคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัจจัย)
40. ใช้ “-” ยัติภังค์ (และไม่ “_” ขีดเส้นใต้) ในไฟล์ของคุณที่ชื่อพื้นที่ที่ต้องการ.
41. บ่อยเพียงเว็บไซต์ที่มีการอัปเดต
42. ซ้ำเนื้อหาจากแหล่งอื่น (เชิงลบผล)
43. การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่เลว (เรียกเลวละแวก) (เชิงลบผล)
44. คำค้นหาสิ่งต่างๆในหน้าเว็บที่เพิ่มประสิทธิภาพหรือ (เชิงลบผล)
45. ความเร็วใหม่ที่ลิงค์สร้างขึ้นสำหรับไซต์. มันสอดคล้องกว่าระยะยาว?
46. ลิงก์ย้อนกลับจาก DMOZ และ Yahoo ไดเรกทอรีจะถือว่าค่อนข้างค่า.
47. หลีกเลี่ยงการเซสชัน identifiers (SID)
48. ลบหน้าเว็บ (ตายลิงก์ในเว็บไซต์) โดยถูกเปลี่ยนเส้นทาง 301/302 (เชิงลบผล)
49. HTML ที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร (ฉันไม่แน่ใจเท่าใดผลทำให้มัน)
50. ประวัติความเป็นมาของโดเมน (มันทำอะไรไม่ดีในอดีต?)

แอบจดไว้นานแล้ว ไม่แน่ใจว่าเอามาจากบอร์ด www.thaiseoboard.com หรือ บอร์ด forums.sem.or.th น่าสนใจดีครับ เอาไว้ปรับแต่ง seo ของเราให้เต็มสูบ

  • Share/Bookmark
Jun 09

อันนี้เอามาจากบอร์ดไทยเสียวนะครับ ขออนุญาตคัดมานั่งอ่านทบทวน
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,115378.0.html

buy-2

สรุปจากรูปภาพสั้นๆได้ใจความได้ 7 เรื่อง
เรื่องแรก Keyword Research
การแข่งขันในเรื่องของ keyword โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับขนาดความยาวของคำ เปรียบเทียบได้คือ โลกแคบ(keyword) แต่การแข่งขันสูงมาก
คุณ HotelBestBuy เสริมมาให้ครับ
Long tail strategy คือ ยิ่ง niche ยิ่งคู่แข่งน้อย
เช่น หากเราจะขายเครื่องตัดหญ้า ก็ใช้คำว่า “เครื่องตัดหญ้า” แบบนี้จะเป็นคำกว้าง คู่แข่งเยอะ (จากรูปก็เช่นคำว่า SEO นั่นแหล่ะ)
หากจะใช้ Long tail คือ คุณ ระบุยี่ห้อไปเลย เช่น “เครื่องตัดหญ้า sony” (มีที่ไหนฟระ)
หรือจะให้แคบเข้าไปอีกก็ “เครื่องตัดหญ้า sony รุ่น ipad” คู่แข่งที่ทำ SEO ก็จะน้อยลง แต่คลิกจากที่คน search ก็จะน้อยลงตาม
แต่โดยทฤษฎี long tail นี้ จะมี conversion สูง
เรื่องที่สอง Site Architecture & Structure
จุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าคุณคิดว่าหน้าเว็ปอื่นๆสำคัญกว่าเว็ปที่เป็นหน้าหลักของคุณ ดังนั้น คุณต้องแน่ใจว่ามันได้ลิงค์กลับไปยังหน้าหลักของคุณตลอดจนหน้าอื่นของเวปไซต์คุณ ต้องจำไว้เสมอว่า Googleไม่ได้จัดอันดับที่ตัวเวปไซต์  แต่พวกเขาจัดอันดับหน้าเว็บไซต์
คุณ HotelBestBuy เสริมมาให้ครับ
แต่ขอเสริมว่า “Hierarchy” ก็มีความหมายนะ คือลักษณะการวางโครงสร้างเวบที่ลิงค์กันระหว่างภายในไซต์ หากลิงค์มั่ว PR มันจะไปกองในจุดที่เราไม่ต้องการ การไหลของ PR สำคัญยังไง ?
เช่น พวกหน้า cart (เวบขายสินค้า หน้าขายสินค้าก็ต้องมีลิงค์ไป cart) หากไม่ได้ทำ nofollow หรือ cloak link ค่า PR ของแต่ละเพจในเวบเรามันก็จะไปเทให้หน้าที่ไม่ได้ต้องการติด search อย่างหน้า cart นี่ได้ครับ
ดังนั้นพวกหน้า cart หรือหน้าทีี่ไม่ได้ต้องการติด search มันไม่ควรจะมี PR เราก็ใช้วิธีอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้มันมี

ลักษณะการลิงค์ที่ทำให้ PR ไหลที่ดีคือควรออกแบบไซต์ให้เป็นลักษณะ “โครงสร้าง” (Hierarchy) ตัวอย่างเช่น Thailand / Phuket / Patong / xxxhotel > แบบนี้คือโครงสร้าง ซึ่ง CMS ทั้งหลายก็จะแบ่งไว้ให้อยู่แล้ว
แต่เวลาทำเวบ หน้า xxxhotel นี้มันก็อาจมีลิงค์จากหน้าของ category อื่นมาได้ เช่น Thailand / Spahotel / xxxhotel  เราก็ต้องบอกบอทว่า จะให้ xxxhotel นี่อยู่ในโครงสร้างไหน โดยการใช้ “breadcrumb” นั่นเองครับ

บอทมันจะได้เข้าใจ hierarchy ในเวบเราได้ง่ายขึ้นนั่นแหล่ะ เพราะบอทมันไม่ใช่คนมันเก็บแต่ลิงค์ มันไม่รู้หากเราไม่บอกมัน – -
เรื่องที่สาม Page Optimisation
ดูให้แน่ใจว่าคุณใช้ keyword อะไรใน URLs, หัวเรื่อง(title)ของหน้าเว็บนั้นๆ,tags ในหน้านั้น, ชื่อรูปภาพ, ส่วนของบทความ, ใส่ <h1><h2> หรือยัง, Image Alt attributes และใช้คำสั่ง bold(ตัวหนา) หรือ italic(ตัวเอียง) บน keyword ที่สำคัญไว้หรือยัง
เรื่องที่สี่ Link Building
ต้องดูให้แน่ใจว่ามีลิงค์อยู่ภายในเว็บไซต์ของท่าน เพราะบอทจะไปไม่ได้ถ้าไม่มีลิงค์ไปต่อ, โพสต์ตาม Blog ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ website ของท่าน, LinkBait, การซับมิทที่ directory ต่างๆ, การวิเคราะห์คู่แข่ง ประมาณรู้เขารู้เราอะครับ, ทำหน้า Profile ของท่านบนเว็บพวก Social,Pligg และ เว็บบอร์ดต่างๆ.  และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ เชิญให้ทุกคนมาคอมเม้นต์เกี่ยวกับเว็บไซต์ของท่าน หรือการบริการของเว็บไซต์ท่าน Feedback อะครับ มันจะเป็นการดีอย่างยิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของท่านดึงดูดคนเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น(Traffic)
เรื่องที่ห้า SEO Tactics
ทุกคนจะเห็นว่าในกราฟจะมีส่วนดีหรือไม่ดีใน SEO แต่สิ่งที่คุณควรมุ่งสนใจที่สุดคือ การสร้าง sitemap,การค้นหา keyword, แล้วก็เรื่องการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ของท่านตลอดเวลา หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า อัพเดทข้อมูล,บทความ ตลอดเวลาตามแต่ลักษณะเว็บไซต์ของท่าน
เรื่องที่หก Linkbaiting & Social Media
แค่คุณ tweet บน twitter หรือ แค่อัพเดทสถานะบน facebook ในบางครั้งมันก็สามารถดึงดูดให้คนเป็นล้านๆเข้าเว็บไซต์ของท่านได้ นั่นแหละคือพลังที่ยิ่งใหญ่ของ Social Media และขอให้ใช้มันอย่างฉลาดด้วย
เรื่องทีเจ็ด SEO vs PPC
มาถึงข้อสุดท้ายละ จะอธิบายให้เข้าใจนะครับว่า จำนวนของ user ที่ คลิกบน search engine นั้นมากกว่า จำนวนคนที่มาจาก ลิงค์ของ PPC ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในบริการด้าน SEO นั้นคือ ความสม่ำเสมอของตัวท่านนั่นแหละในการทำ SEO

พี่ Kobsoft เพิ่มเติมให้อีกครับ
เพิ่มเติมคับ … ผมเห็นว่าเพื่อนหลายๆ อาจไม่ค่อยมีความรู้ภาษาอังกฤษ ก็มักจะงงกันอยู่เสมอเวลามีคนส่ง text อังกฤษมาให้อ่าน โชคดีที่คุณ Osawa แปลเป็นไทยให้ด้วย อันนี้ +1 ให้เลยคับ ถ้าให้ผมแปลให้เพิ่มเติมแบบเนื้อๆ ในอีกมุมมองนึงของวงการคนทำ SEO จริงๆ คงแปลให้ประมาณนี้คับ

1. เวลาทำ SEO มักจำเป็นต้องมีคีย์หลักและคีย์รองเสมอ โดยที่คีย์หลักคือคำสั้นๆ และคีย์รองก็คือคำอื่นๆ ที่นำคีย์หลักมาผสม โดยส่วนมากแล้วคีย์รอง หรือนิชคีย์ มักจะสร้างรายได้ให้เราอยู่เสมอ

2. SEO เป็นการทำอันดับเฉพาะเว็บเพจหน้าหนึ่ง หรือหน้าใดๆ ที่เราเลือกทำเท่านั้น ไ่ม่ใช่ทำหน้าเดียวแล้วอันดับจะขึ้นทั้งเว็บไซต์ (แต่จริงๆ ส่วนตัวจุดนี้ผมไม่เห็นด้วยคับ) และมีการทำ sitemap ที่ถูกต้อง หลายคนส่วนมากรู้แค่ว่า Sitemap คือ sitemap.xml แต่จริงๆ แล้วคำว่า sitemap เป็นการออกแบบโครงสร้างลิงค์ที่ถูกต้องคับ ไม่ว่าจะเป็นลิงค์จากแท็ก <a> บนหน้าเว็บเพจที่จะกระจายไปยังเว็บเพจอื่นๆ ภายในไซ์ (สำหรับมนุษย์) และการทำ sitemap (สำหรับ robots) ด้วยไฟล์ sitemap.xml, .xml.gz (google) หรือ feed (yahoo, bing) โดยที่การออกแบบ sitemap จริงๆ จะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ในเนื้อหาที่โยงแต่ละหน้าด้วย ไม่ใช่แค่ทำให้ทุกหน้าลิงค์กันได้เพียงอย่างเีดียวเฉยๆ แต่ปัจจุบันคงไม่ต้องซีเรียสมากคับเนื่องจาก sitemap สำหรับโรบอทไม่ค่อยมีความสำคัญมากแล้ว เพราะ SE แต่ละค่าย เน้นความสำคัญกับ sitemap สำหรับมนุษย์มากกว่า

3. ใช้แท็กต่างๆ ในการทำ SEO ให้ครบองค์ประกอบและถูกต้อง (จากประสบการณ์เีขียนเว็บรองรับ SEO ที่ผ่านมาของผมกล้าบอกได้เลยคับว่าตรงนี้สำคัญที่สุด ถ้าััจัดองค์ประกอบผิด การทำ seo ก็จะยากขึ้นด้วยเช่นกัน) หลายคนอาจรู้อยู่แล้วว่าในเว็บเพจแต่ละหน้าจำเป็นต้องมีแท็กอะไรบ้าง ก็เลยค่อนข้างซีเรียสกับแท็กต่างๆ มากเกินไป แต่หลายคนไม่รู้ว่า แท็กแต่ละอย่างที่ใส่ลงไปนั้น robots มีพฤติกรรม ในแง่ดี หรือร้าย กับการเก็บ index สำหรับหน้านั้นเพื่อที่จะนำไปจัดอันดับ ส่วนตัวแล้วผมยังคงเชื่อว่าการ Optimize หรือการเขียนโครงสร้างที่ดีที่สุดบนเว็บเพจ ยังคงเป็นการเขียน Content และวาง layout ที่แยกเนื้อหาแต่ละส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน (หมายถึง out put source code สำหรับโรบอท) คับ

4. หาลิงค์จากทุกที่ ทุกรูปแบบที่เราหาได้ โดยที่ไม่ใช้มุขเดิมซ้ำๆ

5. คนที่ทำ SEO ที่ได้เปรียบที่สุดคงจะเป็นคนที่ทำ Gray Hat คับ

6. จิงๆ ข้อนี้น่าจะเหมือนกับข้อ 4 คับ แต่ผมไปเล็งเห็นความสำคัญของ API กับ Partner Site ที่กำลังได้รับความนิยม โดยลักษณะการทำงานขอเรียกง่ายๆ ว่า Auto Post มุขเดิม ที่เวลาผมโพสต์คลิปใน You Tube แล้ว มันจะ Auto Post ผ่าน API ลงใน Facebook ด้วย ถ้าหัวหมอหน่อยคงสร้างไอดีบอทเข้ามา ตัวนึง แล้ว list มาว่าเว็บไหนเป็น Partners Site บ้าง จากนั้น สมัครแล้วก็อัพเดทแต่ทาง Partners Site สำหรับ ไซต์ศูนย์กลางนั้น ขยันแอดเพื่อนเยอะๆ ก็พอคับ กรณีเราเป็นเจ้าของเว็บเองก็สรรหาปุ่มแชร์ต่างๆ มาใส่เว็บด้วยคับ คนไทยเล่น facebook, twitter เยอะอยู่แล้ว ผมว่าเราต้องได้อะไรดีๆ จากตรงนี้บ้างล่ะ

7. ข้อนี้ในรูปเค้าพยายามจะทำให้เราเห็นว่าการทำ SEO น่าจะได้ผลประโยชน์ดีกว่าการทำ SEM คับ (นี่ -*- ผมสรุปห้วนเกินไปไหมนิ ผมเชื่อว่ามีคนคิดแย้งข้อนี้นะ แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผมคับ) ผมมองเพิ่มไปอีกว่า ที่ดีกว่า seo และ sem คือช่องทางการทำตลาดในรูปแบบ create ด้านต่างๆ คับ เช่นทางโคนาด้านอื่นๆ คน, สื่อ, มือถือ, จิปาถะ … สำหรับบางธุรกิจถ้ามองเห็นแต่ seo และ sem เท่านั้นผมก็ว่าบางทีเราอาจจะอยู่หน้าคอมกันมากเกินไปคับ เราต้องลองชวนเพื่อนไปกินเบียร์วุ้นเหล่เด็กเชียร์เบียสวยๆ สั้นๆ แล้วเราจะรู้ว่าวันๆ น้องเค้าได้ทิป มากกว่ารายได้ทำ seo ของเราอีกคับ

Credit DataDial.net

  • Share/Bookmark
Jan 17

พูดถึงการมีลิ้งค์ออกจากหน้าเว็บก็นับว่ามีผลต่อ Page Rank ของ Google อยู่พอสมควร ผลการจัดอันดับล่าสุดเว็บ PR ร่วงเลย ขายลิ้งค์เพลินไปหน่อย ว่าแล้วก็อยากได้ PR คืน จึงไปเชคลิ้งค์ออก แล้วจัดการลดลิ้งค์ออก แล้วคัดเฉพาะลิ้งค์ไปยังเว็บที่มีคุณภาพเท่านั้น ไม่งั้นอันดับท่านจะรูดๆ

การมีลิ้งค์ออกไปยังเพื่อนบ้านที่ดีก็จะส่งผลดีกับเว็บเราด้วย ลิ้งค์ไปเว็บไม่มีดีเว็บเราก็จะเสียครับ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเว็บไหนดีไม่ดี ลิ้งค์เรารั่วไปถึงรึเปล่า วันนี้เอาเว็บเชคเพื่อนบ้านที่แย่มาให้ครับ จะได้รู้ว่าเราลิ้งค์ออกไปหาเว็บแย่ๆ ที่จะพาเราเสียด้วยรึเปล่า จะได้ทำการแก้ไขก่อนสายเกินไป

http://www.bad-neighborhood.com/text-link-tool.htm

กรอกข้อมูลเว็บที่จะเชค กดตกลง รอผลรายงานครับ ง่าย แต่ดี …

  • Share/Bookmark
Jan 13

ในที่สุดเทพ SEO ผู้พิชิต key word “ทำบุญวันเกิด” จากการแข่งขัน SEO Contest ก็เผยสุดยอดเคล็ดวิชา ผนึกพลังลมปราณ ส่งทอดให้กับ web site ดัน key word ขึ้นอยู่อันดับต้นๆ

ว่าไปแล้วเทคนิคนี้เขาก็มีใช้กันนานแล้ว แต่ยังไม่ฮือฮาเท่ารอบนี้ เพราะ the winner เอามาบอก ทำให้เว็บไทยเสียวร้อนขึ้นมาทันที

ใครสนใจเทคนิคนี้ไปฟังพี่โชว์เล่ เอ๊ยผิดๆ ไปฟังพี่ฮาเล่ย์บรรยายกันดีกว่า แบบว่ามุขพี่แกอย่างฮาเลย
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,85517.0.html

หลังจากอ่านไป เดาไปพอเข้าใจดีแล้วก็เลยลองของซะหน่อย ได้มา 3 กงล้อ
วง 1 ยิงใส่ astore ที่เคยดันแต่ดันไม่ขึ้นซะที
วง 2 ยิงใส่หน้าโปรโมทสินค้าใน pligg
วง 3 ยิงเข้า pligg หน้า home นี่แหละ ดันกันดื้อ

ส่วนผลการทำงานก็รอกันต่อไป จะหมู่จะจ่าก็รอชม หวังว่าคงไม่ถึงขนาดโดน GG Blacklist นะ ลงทุนไปหลายอยู่

buy-1
simple link wheel

ที่มา http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,85517.0.html

  • Share/Bookmark
Jan 01

ครบรอบ 1 ปี ที่ทำ amazon พอดี แถมเมื่อคืน PR Google ก็ update ส่งท้ายปีเก่าซธด้วย มีหลายเว็บลง หลายเว็บขึ้น ที่น่าแปลกใจ คือ profile ใน twitter ของเรา มี pr 4-6 หลาย account เลย

เว็บทำเกือบตาย pr 2-3 แต่ twitter ไม่ได้ทำอะไร พุ่งปริ๊ดๆ

ย้อนกลับมา amazon สิ้นเดือนนี้ทำ new high ฉลองครบรอบ 1 ปี การเริ่มธุรกิจนี้ ทำทั้ง seo+ppc อีกเล็กน้อย ยอดก็ไม่มากไม่มาย แต่ก็เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นมากๆ ขาด 13 ship จะได้ 7% เมื่อคืนเลยเอา PPC ยิงสนับสนุน เย็นนี้มาลุ้นกันจะมีของส่งหรือไม่ หรือ จะเสียเงินฟรี

a

  • Share/Bookmark
Dec 21

เคยเล่น SEO กับ Google มีเว็บนึงครับ ภาษาไทย วันๆ พี่แกส่งคนมาเยอะมากๆ พอทำตลาด aff online เลยติดใจจะเอามั่ง แต่ยากมากๆ ครับ เพราะ aff มัน duplicate content ดันยาก แถมพี่แกจับแบนไม่ไว้หน้าเลย

เราก็ใจสู้นะทำเว็บใหม่ เก่งจริงตามไปแบนดิ๊ ว่าแล้วพี่แกก็ทะยอยตามไปแบนจริงๆ ด้วย ไอ้ที่ไม่แบนอันดับก็ รูดเอาๆ สรุปแล้วทำ aff + google ยากเหลือหลาย พี่แกไม่ปลื้ม

สุดท้ายหันหน้ามาพึ่ง yahoo พี่เค้าใจดีนะ ไม่รังเกลียด aff อย่างพวกเรา ไม่เชื่อ ลองค้นคำว่า zhu zhu ใน yahoo สิ จะเจอ aom .us เกือบเต็มหน้า พี่เค้ารักพวกเราจริงๆ นะ

แต่ yahoo ก็มีความเสี่ยงอย่างนึง คือ เขารวมกับ bing แล้ว และอาจเอา algorithm ใหม่มาแทนที่ตัวเดิม เมื่อใดก็ได้ แต่ว่ากว่าจะเปลี่ยนเราก็รวยกันไปหลายแล้วครับ ทางที่ดี รีบๆ โกยเงิน ก่อนจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง

มีคำถามว่าทำ อันดับกับ Yahoo ต้องทำอย่างไร เท่าที่ทดสอบมา คือ ชื่อโดเมนครับ ใครจดตรง key words ได้เปรียบ สุดๆ นับว่าเป็นเงื่อนไขแรกที่เขามองเลย แล้วก็พวก SEO อื่นๆ ทำเพิ่มเติมเข้าไปอีก เช่น ชื่อ sub domain , folder, title, key word,meta data เนื้อหาในเว็บ เอาคีย์เวิร์ดใส่ลงไปพอดีพองาม

จากนั้นไปซับมิตตามแหล่งโปรโมทเว็บทั่วไป แต่อันแรกที่ขาดไม่ได้เลย คือ
http://search.yahoo.com/info/submit.html

นอกนั้นก็จัดไป ตามลิสต์นี่เลยก็ได้ เลือกเอาเน้นๆ ไม่ต้องหมดก็ได้ เดี๋ยวเป็นลม
http://www.digginter.com/web-reviews/

จากนั้น ก็ไม่ต้องรอครับ ทำตัวอื่นต่อ การรอคอยจะเสียเวลามาก บ่อยครั้งที่ได้อันดับดีๆ แบบงงๆ ดังนั้นเน้นทำปริมาณมาก หลายๆ เว็บ หลายๆ คีย์ อันไหนไม่เวอร์คก็อย่าไปดันทุรังทำ หรือ รอ ให้ปล่อยวาง เดินหน้าต่อ ทำอันใหม่ต่อไป

100 อันได้สักครึ่งก็ถือว่าประสปความสำเร็จครับ

  • Share/Bookmark